Visa บุกเบิกยุค AI เปิดเครือข่ายชำระเงิน

Visa กำลังเปิดรับอนาคตทางการค้าที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างแข็งขัน โดยเปิดตัวชุดนวัตกรรมที่เรียกว่า “Visa Intelligent Commerce” ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการประกาศว่า Visa ซึ่งเป็นผู้นำด้านการชำระเงิน กำลังเปิดประตูต้อนรับนักพัฒนา AI อย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการชำระเงินที่แข็งแกร่งของ Visa ในการสร้างแอปพลิเคชันทางการค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI รุ่นใหม่ เนื่องจากผู้บริโภคพึ่งพา AI agent มากขึ้นเรื่อยๆ ในการจัดการกระบวนการช้อปปิ้งทั้งหมด ตั้งแต่การเลือกดูไปจนถึงการซื้อ Visa Intelligent Commerce จึงมุ่งมั่นที่จะมอบโซลูชันการชำระเงินที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และเป็นส่วนตัวสำหรับ AI agent เหล่านี้

การเกิดขึ้นของการค้า AI: กระบวนทัศน์ใหม่ในแวดวงการชำระเงิน

การเปิดตัว Visa Intelligent Commerce สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของ Visa เกี่ยวกับรูปแบบการค้าในอนาคต ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี AI, AI agent จะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในทุกแง่มุมของชีวิตเรา และกลายเป็นผู้ช่วยที่มีคุณค่าในการช้อปปิ้ง การจัดการการเงิน หรือแม้แต่การตัดสินใจในชีวิตประจำวัน AI agent เหล่านี้จำเป็นต้องทำธุรกรรมกับผู้ค้า และ Visa Intelligent Commerce เป็นสะพานเชื่อมที่มอบความสามารถในการชำระเงินที่ปลอดภัยให้กับ AI agent เหล่านั้น

Gery Lasky ผู้จัดการทั่วไปของ Visa Israel กล่าวว่า “ในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้คนจะมี AI agent ที่เป็นตัวแทนของพวกเขาในการเลือกดู เลือกซื้อ จัดการ agent เหล่านี้จำเป็นต้องได้รับความไว้วางใจในเรื่องการชำระเงิน ไม่เพียงแต่จากผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงธนาคารและผู้ค้าด้วย” วิสัยทัศน์ของ Visa Intelligent Commerce คือการทำให้ AI agent สามารถค้นหา ซื้อสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคได้อย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถือ โดยอิงตามความชอบที่ผู้ใช้กำหนดไว้ล่วงหน้า

ชุดเครื่องมือ Visa Intelligent Commerce: กล่องเครื่องมือเพื่อเสริมศักยภาพการค้า AI

ชุดเครื่องมือ Visa Intelligent Commerce ประกอบด้วยชุดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของยุคการค้า AI:

  • AI-Ready Cards (บัตรที่พร้อมสำหรับ AI): เทคโนโลยีนี้จะแทนที่ข้อมูลบัตรเครดิตแบบเดิมด้วยข้อมูลประจำตัวดิจิทัลที่ใช้โทเค็น เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ที่สำคัญกว่านั้นคือ AI-Ready Cards สามารถตรวจสอบตัวตนของ AI agent ที่ผู้บริโภคเลือก ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าเฉพาะ AI agent ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถทำธุรกรรมได้ สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความไว้วางใจของผู้ใช้ต่อ AI agent
  • AI-Powered Personalization (การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณด้วย AI): ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการซื้อของกับ AI agent ของพวกเขา ซึ่งจะช่วยให้ AI agent เข้าใจความต้องการและความชอบของผู้ใช้ได้ดีขึ้น และให้คำแนะนำในการช้อปปิ้งที่แม่นยำยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ซื้ออาหารออร์แกนิกเป็นประจำ AI agent สามารถให้ความสำคัญกับการแนะนำผู้ค้าที่จำหน่ายอาหารออร์แกนิก
  • Spending Limits and Conditions (วงเงินและเงื่อนไขการใช้จ่าย): เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้บริโภคเพิ่มเติม Visa Intelligent Commerce ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดวงเงินและเงื่อนไขการใช้จ่าย เพื่อเป็นแนวทางในการทำธุรกรรมของ AI agent ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถกำหนดวงเงินสูงสุดสำหรับจำนวนเงินในการทำธุรกรรมแต่ละครั้งของ AI agent หรือจำกัด AI agent ให้ทำธุรกรรมกับผู้ค้ารายใดรายหนึ่งเท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ AI agent ใช้จ่ายเกินความจำเป็นหรือทำธุรกรรมที่ไม่จำเป็น

ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ Visa Intelligent Commerce มอบแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมสำหรับนักพัฒนา AI เพื่อสร้างแอปพลิเคชันทางการค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เป็นนวัตกรรมต่างๆ

มุมมองของ Ryan McInerney: ปัญญาประดิษฐ์เสริมพลังให้ผู้บริโภค

Ryan McInerney ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Visa เน้นย้ำถึงบทบาทสองด้านของปัญญาประดิษฐ์ในการปกป้องและเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้บริโภค เขากล่าวว่า “ที่ผ่านมา Visa ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปกป้องผู้บริโภค” “ตอนนี้เราจะใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้บริโภค เปลี่ยนแปลงการค้าดิจิทัลอย่างสิ้นเชิง ทำให้เป็นส่วนตัว เกี่ยวข้อง และน่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น”

มุมมองของ McInerney สะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของ Visa ต่อปัญญาประดิษฐ์ Visa ไม่เพียงแต่มองว่าปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังมองว่าเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับผู้บริโภคอีกด้วย Visa หวังว่าจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าดิจิทัลที่ชาญฉลาด เป็นส่วนตัว และสะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่าน Visa Intelligent Commerce

ยุโรปเป็นผู้บุกเบิก: พิมพ์เขียวสำหรับการส่งเสริมทั่วโลก

Visa Intelligent Commerce มีกำหนดจะเปิดตัวในยุโรปเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2025 การเลือกยุโรปเป็นภูมิภาคเปิดตัวครั้งแรกอาจเป็นเพราะยุโรปมีกฎหมายและข้อบังคับที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการพัฒนาสุขภาพของการค้า AI

โครงการนำร่องในยุโรปจะให้ประสบการณ์อันมีค่าสำหรับการส่งเสริม Visa Intelligent Commerce ทั่วโลก Visa จะติดตามผลตอบรับจากตลาดยุโรปอย่างใกล้ชิด และปรับปรุงและปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ตามสถานการณ์จริง

ระบบนิเวศพันธมิตรที่แข็งแกร่ง: ร่วมสร้างอนาคตของการค้า AI

เพื่อสนับสนุนการส่งเสริม Visa Intelligent Commerce ทั่วโลก Visa กำลังร่วมมือกับบริษัท AI ชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง Anthropic, IBM, Microsoft, Mistral AI, OpenAI, Perplexity, Samsung และ Stripe พันธมิตรเหล่านี้จะให้การสนับสนุนแก่ Visa ในด้านเทคโนโลยี ข้อมูล และช่องทางต่างๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาการค้า AI

ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรเหล่านี้ Visa หวังว่าจะสามารถสร้างระบบนิเวศการค้า AI ที่เปิดกว้าง ทำงานร่วมกัน และเป็นนวัตกรรมใหม่ ในระบบนิเวศนี้ นักพัฒนา AI สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ เพื่อมอบแอปพลิเคชันทางการค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เป็นนวัตกรรมต่างๆ ให้กับผู้บริโภค

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก Visa Intelligent Commerce

การเปิดตัว Visa Intelligent Commerce อาจมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่ออุตสาหกรรมการชำระเงินและระบบนิเวศทางการค้าทั้งหมด:

  • เร่งการแพร่หลายของการค้า AI: Visa Intelligent Commerce มอบแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และใช้งานง่ายสำหรับนักพัฒนา AI ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคในการพัฒนาการค้า AI ได้อย่างมาก และเร่งการแพร่หลายของการค้า AI
  • ส่งเสริมนวัตกรรมในวิธีการชำระเงิน: ด้วยความนิยมของ AI agent วิธีการชำระเงินแบบเดิมอาจถูกแทนที่ด้วยวิธีใหม่ๆ Visa Intelligent Commerce จะส่งเสริมนวัตกรรมในวิธีการชำระเงิน เช่น การชำระเงินด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ การชำระเงินด้วยเทคโนโลยีการจดจำเสียง เป็นต้น
  • ปรับปรุงประสบการณ์ผู้บริโภค: AI agent สามารถให้คำแนะนำในการช้อปปิ้ง การเปรียบเทียบราคา และบริการจัดการธุรกรรมตามความต้องการส่วนบุคคลของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้บริโภค
  • เปลี่ยนวิธีการที่ผู้ค้าโต้ตอบกับผู้บริโภค: AI agent สามารถช่วยให้ผู้ค้าเข้าใจความต้องการและความชอบของผู้บริโภคได้ดีขึ้น และให้การตลาดและการบริการลูกค้าที่แม่นยำยิ่งขึ้น
  • สร้างรูปแบบธุรกิจใหม่: การค้า AI อาจสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ เช่น บริการ AI แบบสมัครสมาชิก บริการ AI ตามความต้องการ เป็นต้น

ความท้าทายที่ Visa Intelligent Commerce เผชิญ

แม้ว่า Visa Intelligent Commerce จะมีศักยภาพอย่างมาก แต่ก็เผชิญกับความท้าทายบางประการ:

  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: AI agent อาจถูกแฮกเกอร์โจมตีหรือใช้ประโยชน์ ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียเงินทุนหรือการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล Visa จำเป็นต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ใช้
  • ปัญหาความเป็นส่วนตัว: AI agent จำเป็นต้องรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้จ่ายของผู้ใช้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาความเป็นส่วนตัว Visa จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ใช้มีการควบคุมข้อมูลของตน
  • ปัญหาความไว้วางใจ: ผู้บริโภคจำเป็นต้องไว้วางใจ AI agent เพื่ออนุญาตให้พวกเขาทำธุรกรรมได้อย่างสบายใจ Visa จำเป็นต้องสร้างกลไกความไว้วางใจที่มีประสิทธิภาพ เช่น อัลกอริทึมที่โปร่งใส สภาพแวดล้อมการชำระเงินที่ปลอดภัย เป็นต้น
  • ความท้าทายด้านกฎระเบียบ: การค้า AI เป็นพื้นที่เกิดใหม่ และกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องยังไม่สมบูรณ์ Visa จำเป็นต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อร่วมกันพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่สมเหตุสมผล

บทสรุป

การเปิดตัว Visa Intelligent Commerce เป็นก้าวสำคัญของ Visa ในการเปิดรับยุคการค้าด้วยปัญญาประดิษฐ์ ด้วยการมอบเครื่องมือและแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ทรงพลังแก่นักพัฒนา AI Visa กำลังส่งเสริมการพัฒนาการค้า AI อย่างแข็งขัน และมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ชาญฉลาด เป็นส่วนตัว และสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภค แม้ว่า Visa Intelligent Commerce จะเผชิญกับความท้าทายบางประการ แต่ศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของมันก็ไม่ควรมองข้าม ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี AI Visa Intelligent Commerce มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของการค้าในอนาคต